Pakorn's Blog

Helping you to bring your concepts and ideas to life.

สังคมมะกันล่มสลาย! คนรวยแค่หยิบมือ คนจนหมดปัญญาหาหมอ

"15สัญญาณ"สังคมมะกันล่มสลาย! คนรวยแค่หยิบมือ คนจนหมดปัญญาหาหมอ บริษัท"ขายปืน"กำไรเพียบ

เว็บไซต์ www.alternet.org แม็กกาซีนออนไลน์ของสหรัฐ ได้เผยแพร่บทความน่าสนใจ หัวข้อ "15 สัญญาณบ่งชี้สังคมอเมริกัรกำลังจะแตกสลาย" เขียนโดนนายเดวิด เดโกรว ซึ่งระบุว่า กลุ่ม คนที่ร่ำรวยทางเศรษฐกิจในสหรัฐ คือ ตัวการสำคัญในการทำร้ายสังคมอเมริกัน ซึ่งเริ่มแก้ไขได้ลำบากมากขึ้นทุกขณะ หลายคนอาจไม่ได้รับรู้เรื่องนี้จากสื่อกระแสหลัก แต่ผลการชีวัดทางสังคม สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวสามารถแยกออกเป็น 15 สัญญาณอันตราย ดังนี้

1) ความไม่เสมอภาคและขาดสมดุลในด้านความมั่งคั่งของชาวสหรัฐ ได้พุ่งพรวดสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ในปัจจุบันสหรัฐเป็นประเทศผู้นำทางอุตสาหกรรมที่ขาดสมดุลในด้านนี้สูงที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ช่องว่างของจำนวนคนรวย และคนชั้นกลางคนจนได้แตกต่างมากขึ้นอย่างมาก

2) กรณี ที่ตลาดหุ้นพุ่งสูงเกินกว่า 10,000 จุด ในเวลาอันรวดเร็วเพียง 13 เดือน ส่งผลให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ 3 แห่งคว้าผลประโยชน์จากการจากผู้เสียภาษี และได้ประโยชน์อย่างมากจากการที่รัฐบาลสหรัฐตัดสินให้เงินช่วยเหลือแก่ ธุรกิจที่ล้มเหลว ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้สร้างสถิติใหม่ทางเศรษฐศาสตร์ เพราะสามารถยให้โบนัสพนักงานเป็นจำนวนเงินสูงถึง 30 พันล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 60 %

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า "โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนากรอันดับหนึ่งของสหรัฐสามารถสร้างกำไรได้แล้วเพียงแค่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี แถมยังสามารถสำรองเงินชดเชยสำหรับการใช้จ่ายได้อีกถึง 16.7 พันล้านเหรียญ"

โกลด์แมน แซคส์ จึงกลายเป็นวาณิชธนากร ที่สามารถขยับขยายและเติบโตได้ที่สุดในประวัติศาสตร์

3) กำไรของกลุ่มคนที่ร่ำรวยถูกค้ำประกันจากผู้เสียภาษีตาดำๆ ในมูลค่าสูงถึง 23.7 แสนล้าน แสดงให้เห็นว่าขณะที่กลุ่มคนร่ำรวยไต่ขึ้นสูงไปเรื่อยๆ แต่ชนชั้นกลางกลับกำลังเริ่มล้มลง

4) คนทำงานในช่วงอายุระหว่าง 55 - 60 ปี ซึ่งทำงานมานานถึง 20 - 29 ปี ได้สูญเสียเงินในกองทุนเงินเก็บออมสำหรับใช้หลังเกษียณการทำงานโดยเฉลี่ย 25 % ขณะที่ในเวลาเดียวกัน ชาวอเมริกันที่ร่ำรวย 400 คนยังรวยขึ้นไปอีกถึง 30 พันล้านเหรียญ ซึ่งจากจุดนี้ทำให้คน 400 คนดังกล่าวมีทรัพย์สินรวมกันมากถึง 1.57 แสนล้านเหรียญ

5) จำนวนบ้านที่ถูกที่จำนองพุ่งสูงขึ้นสุดขึดในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 โดยเริ่มย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ไตรมาสแรก เชื่อหรือไม่ว่า มีบ้านทั้งหมด 937,840 หลังที่ถูกจำนอง ขณะที่บ้านอีก 3.4 ล้านหลังมีโอกาสสูงมากที่จะถูกจำนองในช่วงปลายปีนี้ แถมนักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า สำหรับปี 2553 เรื่องบ้านถูกจำนองจะแย่ลงไปกว่านี้อีก

นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐออกกฎหมายตั้งกองทุนสำหรับผู้เสียภาษี ในวงเงิน 75 พันล้านเหรียญ ซึ่งผลปรากฎออกมาว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง วัดได้จากจำนวนบ้านที่ถูกจำนอง ซึ่งพิสูจน์ชัดว่ากฎหมายดังกล่าวทำให้ต้องเสียเงินภาษีของประชาชนกว่าเป็น พันๆ ล้านเหรียญไปฟรีๆ

6) ประชาชนอเมริกันกว่า 25 ล้านคนไม่มีงานทำหรือได้ทำงานแบบไม่เต็มเวลา ซึ่ง แสดงให้เห็นว่าสหรัฐมีประชาชน 25 ล้านคนที่ต้องการเพิ่มรายได้ แต่กลับไม่มีทางเลือก อัตราการว่างงานคาดว่าจะสูงขึ้นอีกในอนาคตและจะยังคงสูงต่อไปอีกหลายปี

7) ล่าสุดธนาคารสหรัฐถึง 123 แห่งล้มเหลวลงไปในปีนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ที่ผ่านมา ธนาคาร 3 คนซึ่งทางการระบุว่ามีความเข็มแข้งต้องปิดกิจการลง

8) การล้มละลายพุ่งทะลุความคาดหมาย รัฐ 10 แห่งร่อแร่ใกล้ล้มละลาย บางรัฐถึงขั้นประกาศว่าเกิดวิกฤตการเงิน รัฐแคลิฟอร์เนีย, อาริโซน่า, ฟลอริดา, อิลลินอยส์, มิชิแกน, เนวาดา, นิว เจอร์ซีย์, โอเรกอน, โรด ไอส์แลนด์ และวิสคอนซิน กำลังตกอยู่ในวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งต่างก็พยายามแก้ด้วยวิธีง่ายๆ อย่าง การขึ้นอัตราภาษีและการลดจำนวนข้าราชการ

9) ทุกอย่างนี้อาจเกิดขึ้นจากใช้งบประมาณแบบขาดดุล จำนวน 1.4 แสนล้านเหรียญ ซึ่งนับกว่ามากกว่างบประมาณปีที่ผ่านมาหลายแสนเหรียญ สรุปแล้วสหรัฐมีหนี้สูงจำนวน 12 แสนล้านเหรียญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หนี้จำนวนนี้เริ่มเยอะใกล้ถึงจุดลิมิตตามกฎหมาย ที่กำหนดไว้ที่ 12.104 แสนล้านเหรียญ หมายความว่าสภาคงต้องออกกฎหมายปรับเพดานลิมิตให้สูงขึ้น เพื่อให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้

10) แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามปรับแต่งตัวเลขความยากจนให้ดูต่ำจากความเป็นจริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประชาชน 47.4 ล้านคนต้องอยู่อย่างยากแค้น นอกจากนี้ จำนวนคนยากจนของสหรัฐยังมีอัตราสูงที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอุตสาหกรรมเหมือนกัน คาดการณ์ได้เลยว่า จำนวนคนไร้บ้านจะเพิ่มขึ้นอีกมาก อย่างเมื่อปีที่แล้วก็มีคนไร้บ้านมากถึง 3 ล้านคน

11) วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเด็กๆ ทั้งนี้ เฉลี่ยแล้วเด็กอเมริกันประมาณ 50 % ต้องใช้แสตมป์แลกอาหารประทังชีพ ความอดอยากเป็นสิ่งคุกคามสหรัฐตัวสำคัญ หนังสือพิมพ์นิว วอชิงตัน โพตส์ รายงานว่า "วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ทำให้จำนวนชาวอเมริกัน ที่มีอาการบริโภคไม่เพียงพอเพิ่มขึ้น คิดไม่ถึงเลยจริงๆ มันเหมือนกับว่า เรากำลังอาศัยอยู่ในประเทศโลกที่สาม"

12) ปี 2552 จำนวนประชาชนสหรัฐ ที่ยากในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เพิ่มขึ้นเป็น 46.3 ล้านคน ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการตกงานและไร้งานทำ

13) การที่ไม่มีเงินจ่ายประกันสุขภาพเป็นสาเหตุให้ประชาชนราว 45,000 คนต้องเสียชีวิตเมื่อปี 2551 มีรายงานข่าวระบุว่า 2 ใน 3 ของการล้มละลายเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ และแม้บางคนมีปัญญาจ่ายประกันสุขภาพ ก็ยังต้องเผชิญปัญหากับจำนวนเงินในกระเป๋า หากเจ็บป่วยจากโรคที่ร้ายแรง ขณะที่เด็กอีกกว่า 17,000 คนต้องเสียชีวิตลง เพราะขาดการดูแลทางการแพทย์ที่ดีพอ

14) อุตสาหกรรมผลิตปืนและลูกกระสุนในสหรัฐกลับโตขึ้นอย่างสวนทาง เห็นได้ จากบริษัทขายสินค้าดังกล่าวกว่า 100 แห่ง ทำเงินได้หลายพันล้นเหรียญในเวลาเพียง 1 ปี สืบเนื่องจากความต้องการปืนและลูกกระสุนได้ทะยานขึ้นสูงมาก แต่บริษัทผู้ผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าตอบสนองตลาดได้ทัน

เห็นได้ชัดเลยว่า ชาวอเมริกันกำลังติดอาวุธตัวเองกันยกใหญ่

15) เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธหน้าใหม่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ดถึง 100 กลุ่ม ส่วนจำนวนสมาชิกในสังกัดนั้น มีมากกว่าอีกเป็น 2 เท่า ทางการเป็นกังวลกับปรากฎการณ์นี้มาก เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยว่า "การที่ทุกอย่างย่ำแย่ลงเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดกลุ่มติดอาวุธ อีกไม่นานหรอกเราจะได้เห็นความรุนแรงและการคุมคามไปทั่ว"

สรุปได้แล้วว่า ขณะนี้สหรัฐมีประชาชนกว่า 50 ล้านคนที่เงินขาดมือและต้องการเงิน มากไม่มีประกันสุขภาพและไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าหมอหรือขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานใด ขณะที่ประชาชนอีกส่วนหนึ่งมีคนรัก ที่เจ็บป่วยใกล้ตาย แต่ไม่ได้รับการรักษา หรือไม่ก็ตายไปแล้วเรียบร้อย

ขณะที่ประชาชนอีก 1 % ซึ่งเป็นคนรวยกลับมีความสุขจากวิกฤตครั้งนี้ ทั้งที่คนอีกหลายล้านทั้งจน หมดตัว กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด อยู่อยากอดๆ อยากๆ และติดอาวุธ แน่ใจได้เลยว่าเรากำลังจะได้เป็นพยานรู้เห็นความแตกสลายของสังคมสหรัฐ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า !!


ที่มา: Matichon Online

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Related Posts with Thumbnails