เรื่อง นาฏศิลป์พื้นเมือง (ลาวกระทบไม้)
"รำกระทบไม้" เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวจังหวัดสุรินทร์ เดิมเรียกว่า "เต้นสาก" ประเทศไทยมีอาชีพทางกสิกรรมมาช้านาน การทำนาผลิตข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย และทำรายได้เป็นสินค้าออกให้แก่ประเทศไทยอย่างมากมาย ชีวิตประจำวันของคนไทยส่วนใหญ่จึงคลุกคลีอยู่กับการทำนา เริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ ดำ และเก็บเกี่ยว เป็นต้น ด้วยนิสัยรักสนุก หลังจากเลิกงาน จึงนำสากตำข้าวมากระทบกันเป็นเครื่องประกอบจังหวะ พร้อมกับมีการละเล่นให้เข้ากับจังหวะ แต่เดิมคงเป็นจังหวะตำข้าวในลักษณะยืนตำ
2 คน ต่อมาจึงลากไม้สากมาวางตามยาว มีคนจับปลายสาก หัว ท้าย ข้างละคน พร้อมทั้งใช้ไม้หมอนรองเคาะเป็นจังหวะ
ภายหลังกรมศิลปากรได้ศึกษาการละเล่นชนิดนี้ และนำมาปรับปรุงจัดระเบียบแบบแผนเรียงลำดับท่ารำขึ้น โดยไม่ทิ้งเค้าแบบแผนเดิม และได้นำออกแสดงเป็นครั้งแรก เมื่อพ.ศ.2500 เนื่องในงานแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมกับราชอาณาจักรลาว
ในการปรับปรุงครั้งนั้น เนื่องจากบทร้องของเก่าไม่เหมาะสมที่จะรำได้สวยงาม กรมศิลปากรจึงได้ขอให้อาจารย์มนตรี ตราโมท แต่งบทร้อง และท่านผู้หญิงหม่อม แผ้ว สนิทวงศ์เสนีย์ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นใหม่
เครื่องดนตรี
เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการรำ นอกจากไม้เคาะจังหวะประกอบการร่ายรำแล้ว ปัจจุบันนี้
กรมศิลปากรได้นำวงปี่พาทย์เครื่องห้า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ บรรเลงลำนำ ทำนองเพลงให้ไพเราะด้วย
การแต่งกาย
แต่งได้ 2 แบบ คือ
1. การแต่งกายแบบพื้นเมือง
- ชาย นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลม แขนสั้น มีผ้าคาดเอว และผ้าคาดไหล่
- หญิง นุ่งผ้าซิ่นป้ายข้างยาวกรอมเท้า สวมเสื้อแขนกระบอก คอปิดห่มสไบทับเสื้อ ปล่อยผมทัดดอกไม้ สวมเครื่องประดับพองาม มีสร้อยคอ ต่างหู
- ชาย นุ่งกางเกงขาสามส่วน หลากสี วามเสื้อคอกลม มีผ้าคาดเอว และผ้าโพกศีรษะ
- หญิง นุ่งซิ่นมีเชิง ป้ายข้างยาวกรอมเท้า สวมเสื้อแขนกระบอกคอกลมหรือคอปิด ห่มสไบเฉียง เข็มขัดทับเสื้อ สวมสร้อยคอ และต่างหู ปล่อยผมทัดดอกไม้
การกระทบไม้ แต่เดิมวางไม้สากตามความยาว 2 อัน ให้ไม้หมอนรองหัวและท้ายไม้ทั้ง 2 ด้าน ปลายสากจะมีคน 2 คน จับปลายเพื่อกระทบกัน ภายหลังกรมศิลปากรปรับปรุง และจัดลำดับท่ารำให้เป็นระเบียบขึ้นแต่ยังคงรักษาเค้าแบบแผนเดิม โดยปรับ ปรุงเป็นไม้ไผ่ 2 ลำ ขนาดเท่ากันยาวประมาณ
2 - 4 เมตร และใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นหมอนวางรองทั้งสองปลาย ผู้กระทบนั่งกับพื้นจับปลายทั้งสองคนเพื่อจะได้ตีกระทบกัน
การเคลื่อนไหวตามจังหวะกระทบไม้
เสียงกระทบไม้
กึง เป็นเสียงที่ไม้อยู่ห่างกัน กระแทกลงตรงๆ บนไม้ที่รอง
ก๊อก เป็นเสียงที่ไม้ทั้งสองตีกระทบเข้าหากัน
จังหวะกระทบไม้จะเป็นจังหวะ 8 จังหวะ แล้วย้อนกลับไปใหม่เรื่อยๆ ดังนี้
จังหวะที่ | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
จังหวะไม้ | ชิด | ห่าง | ห่าง | - | ห่าง | ห่าง | ชิด | - |
วิธีเล่นกระทบไม้
- วางไม้ไผ่ตันไว้กับพื้นให้ห่างกันพอที่จะวางไม้ไผ่สีสุกลง แล้วเหลือปลายไว้ใช้จับประมาณ 2 คืบ
- ผู้เล่น ( 2 คน ) จับไม้ยาวเคาะเป็นจังหวะ โดยรั้งให้ไม้ยาวมากระทบกัน 1 ครั้ง แล้วจึงยกไม้ยาวแยกห่างกันออก เคาะไปที่ไม้สั้น 2 ครั้ง สลับกันไปตามจังหวะเพลง ช่วงระยะเคาะไม้สั้นจะเว้นช่องว่างระหว่างไม้ยาวประมาณ ครึ่งศอก เพื่อให้ผู้รำชาย - หญิง ได้หย่อนเท้าก้าวลงไปในช่องนั้น แล้วยกออกตามจังหวะเพลงได้อย่างสวยงาม และถ้าผู้รำเผลอก้าวพลาดผิดจังหวะ ไม้ไผ่คู่นั้นจะกระทบเท้าผู้รำทันที
ก็จะทำให้เกิดความสวยงามที่เป็นการแสดงพื้นเมือง และในการแสดงจะมีเนื้อร้องเพื่อแสดงภาษาท่ารำก่อนจะเข้าไม้ ที่เรียกว่า "รำลาวกระทบไม้"
บทร้อง เพลงลาวกระทบไม้
บทร้องโดย : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ชื่นใจชวน ยั่วยวนใจชม อภิรมย์เริงใจ
เคล้าคู่กันไป ฟ้อนกรายร่ายรำ ( ล่า ลา ล่า ลา ลา ล้า ล่า ลา ล่า ลา ลา )
หนุ่มวอนกลอนกล่าว เว้าสาวหวานฉ่ำ
จันทร์งามยามค่ำ เป็นสายนำดวงใจ
ยามเดือนลอยเด่น เหมือนดั่งเป็นใจให้
สาวหนุ่มพรอดกัน กรีดกรายร่ายรำสำเริงรื่น
แสนชื่นชอบเชิง เริงรำทำกางกั้น
สับเปลี่ยนเวียนผัน กันสำราญ
ร่ายรำท่ามกลางแสงเดือนเด่น ( ล่า ลา ล้า ลา ลา ล่า )
เยือกเย็นน้ำค้างช่างซาบซ่าน
สาวรำนำหนุ่มชุ่มชื่นบาน ต่างสุขศานติ์แสนงาม ยามค่ำคืน
ข้อมูลประกอบจาก gotoknow.org
Download: PDF
Unknown
Said
อ๋อ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง